ผ่านไปแล้วร่วม 2 ปี กับหนึ่งในเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญชาวไทยทั้งประเทศ
อย่างเหตุการณ์กราดยิงที่ Terminal 21 โคราช
ย้อนกลับไปในวันนั้น สิ่งที่อยากให้ทุกท่านได้จดจำมิใช่แค่เรื่องราวที่เกิดขึ้น
แต่อยากให้เรารำลึกถึงจิตใจของผู้กล้าทุกคนในทุกภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ , หน่วยงานเอกชน ไปจนถึงประชาชน
ที่ก้าวขาออกมาและช่วยเหลือหรือเสี่ยงชีวิตเพื่อผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น
*เครดิตภาพถ่ายบันทึกเหตุการณ์จาก THAI NEWS PIX
แม้ว่าพวกเขาเป็นเพียงประชาชนธรรมดา พวกเขาไม่เคยได้รับการฝึก
พวกเขาไม่เคยเตรียมตัวที่จะมาเจออะไรแบบนี้ในชีวิต
พวกเขาไม่เคยรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรในช่วงเวลานั้น
แต่ในวันที่แย่ที่สุด พวกเขากลับลุกขึ้นมา สิ่งต่างๆที่พวกเขาทำนั้น
เรียกได้ว่ากล้าหาญมากกว่าที่จะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ
พวกเราขอนับถือจิตใจที่่แข็งแกร่งของผู้กล้าทุกคนในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
แต่คำถามที่น่าคิดต่อมาก็คือ ... เราได้มีการเตรียมตัวเพื่อรับมือ
กับเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีพอแล้วหรือยัง ?
ในวันนี้ .. เราจะไม่ได้มาพูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นว่ามันมีอะไรบ้าง
แต่เราจะมาพูดถึงสิ่งที่สามารถช่วยเหลือเราได้ หากเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นอีกครั้ง
เราจะมาติดเครื่องมือเสริมให้กับทุกคน เพื่อที่ว่าหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นอีก
อย่างน้อย .. คุณจะสามารถใช้เวลาในการตัดสินใจได้เร็วขึ้น และในสถานการณ์แนวนี้
เวลา .. ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของคุณ คุณต้องใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ..
และนี่คือ 5 เทคนิคง่ายๆ ที่ได้รับการรวบรวมมาจากความคิดเห็น
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษสหรัฐ
ที่จะช่วยให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถเอาตัวรอดได้
จากเหตุร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์กราดยิง
, การก่อการร้าย , หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ
ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์และปรับใช้ได้ในชีวิตจริงของเราครับ
1.Be the spark ... " ตั้งสติ " ... สร้างแรงกระตุ้นและจุดไฟแห่งความหวัง
ให้กับตัวเองและผู้คนที่อยู่รอบๆตัวคุณ
ในช่วงเวลาที่่เลวร้ายที่สุด หรือแม้แต่ในการต่อสู้จริงในสงคราม ..
คนที่ตั้งสติได้ก่อนคือผู้ชนะ หากในกลุ่มของคนที่เผชิญเหตุ
มีเพียงหนึ่งคนที่สามารถตั้งสติก่อนได้ เขาจะสามารถนำพาทุกคน
รอดพ้นสถานการณ์เหล่านี้ไปด้วยกันได้ และนั่นคือความจริง
คุณต้องเริ่มจากความเชื่อก่อน
เชื่อว่าวันนี้คุณไม่ใช่เหยื่่อที่อ่อนแอ
วันนี้คุณจะไม่ตายโดยไม่คิดจะต่อสู้
เชื่อว่าไม่มีใครในนี้อยากตายโดยไม่คิดจะสู้
เชื่อว่าจะไม่มีใครในนี้ต้องมาตายในวันนี้
เชื่อว่าเราทุกคนทำได้ และต้องทำเดี๋ยวนี้ด้วย
ความเชื่อเหล่านี้แหละที่จะทำลายความรู้สึกกลัวที่กัดกินในจิตใจ
ช่วยดึงสติคนอื่นที่กำลังช็อค เคว้ง หรือกำลังหยุดนิ่งด้วยความกลัว
ถ้าคุณรู้สึกกลัว ไม่ต้องคิดมาก ทุกคนมีสิทธิที่จะรู้สึกแบบนั้น
มันไม่มีทางฝืนหรือบังคับได้ ทุกคนกลัวได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้
คือเราต้องตั้งสติ โฟกัสหาทางออกให้ได้ คุณไม่่จำเป็นต้องเก่งที่สุด
หรือมีประสบการณ์มากมายอะไร แค่คุณควบคุมสติตัวเองได้ ใจเย็นมากพอ
และถ้าทุกคนอยู่ด้วยกัน เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ และหากคุณสามารถสร้าง
ความรู้สึกนี้ให้กับผู้คนรอบข้างคุณได้ คนที่เหลือเขาก็จะตามคุณเอง
เมื่อใดที่คุณตั้งสติ และสามารถดึงสติผู้คนรอบข้างคุณได้
โอกาสรอดคุณมีมากกว่า 90% แล้วในตอนนี้ จงเชื่อแบบนั้น และทำแบบนั้น
2.Look for the exits not for the crowd :
จงมองหาทางออกที่ใกล้ที่สุด ไม่ใช่แค่เดินตามคนอื่นแบบงงๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือการรับรู้และประเมินสถานการณ์รอบข้างอยู่ตลอดเวลา
อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าตัวเราอยู่ตรงไหน ทางออกที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนบ้าง
เรามักจะได้ยินบรีฟก่อนเสมอไม่ว่าเราจะอยู่ในโรงหนัง กำลังขึ้นเครื่องบิน
หรือกำลังจะไปที่ไหน เราจะได้ยินบรีฟซ้ำๆเป็นล้านๆรอบ
พูดถึงทางออกที่ใกล้ที่สุดเวลาเกิดเหตุผิดปกติ
อย่าเอาแค่ฟังไปผ่านๆแล้วไม่สนใจ ให้เราโฟกัสและรับรู้
เกี่ยวกับทางออกที่ใกล้ที่สุดอยู่เสมอ ยิ่งถ้าสามารถสังเกตุและรับรู้
ถึงทุกทางออกที่มีในพื้นที่ที่เราอยู่ได้จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ
เพราะในเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆทั่วโลก หนึ่งในจุดที่ผู้คนเสียชีวิตมากที่สุด
นั่นคือบริเวณทางเดินไปจนถึงประตูทางออกหลักนั่นเอง
เพราะอะไร ? นั่นก็เพราะว่าทุกคนต่างเดินตามๆกัน
ไปรวมตัวกันอยู่ในจุดจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสริต
บนเครื่องบิน หรือแม้แต่ในท้องถนนหรือสถานที่ต่างๆ
พวกเขาจำได้แค่ว่าพวกเขาเดินเข้ามาทางไหน และเขาจะไปกันทางนั้น
ซึ่งในความจริงแล้ว มันอาจจะมีทางออกมากกว่า 1 ทาง และเส้นทางนั้น
อาจจะใกล้กว่าหรือไกลกว่าเล็กน้อยแต่ไม่มีใครนึกถึงเลยก็ได้
เพราะทุกคนไม่ได้มองหาทางออก ทุกคนเอาแค่มองๆว่าคนอื่นๆ
เดินไปทางไหนก็เดินตามๆกันไป
การสังเกตุได้ว่าคนอื่นส่วนใหญ่หนีกันไปทางไหน
เป็นข้อมูลที่ดีที่เราควรระลึกถึงเอาไว้ก็จริง
แต่สุดท้ายแล้ว ... การที่เรารู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน ยังไงก็ดีกว่า
แค่เดินตามๆกันไปโดยไม่รู้ว่าที่เดินๆไปคือที่ไหน
อย่าลืมว่า ... บริเวณทางเข้า-ออกที่ทุกคนรู้ ...
ผู้ก่อเหตุก็อาจจะรู้เช่นเดียวกันกับเราก็ได้ ..
ในวินาทีที่เกิดเหตุ จงมองหาทางออกที่ใกล้ที่สุดและเร็วที่สุด
ไม่ใช่มองแค่ว่าคนอื่นเดินไปไหนกัน นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
หรือหากเราคิดว่าไม่สามารถหนี หรือไปยังทางออกได้เลย
การเลือกที่จะหาที่ซ่อน ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีกว่าการเดินไปแบบไร้จุดหมาย
ซึ่งอาจจะพาตัวเราไปสู่อันตรายหรือไปเจอกับตัวผู้ก่อเหตุโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้
3.Get low and go. - ก้มหัวให้ต่ำและก้าวขาให้ไว
ไม่ว่าจะซ้อมหนีไฟ ไปจนถึงการฝึกทหารในค่ายฯ เวลาเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม
คำแนะนำและขั้นตอนปฏิบัติง่ายๆที่เหมือนกันแทบทุกอย่างเลย
ก็คือการทำตัวให้ต่ำติดพื้นที่สุดและหาทางออกให้ไวที่สุด
กับเหตุการณ์กราดยิงก็เช่นกัน ... ยิ่งเราหมอบหรือก้มหัวให้ต่ำ
เคลื่อนที่ให้ใกล้ที่กำบังมากแค่ไหน โอกาสที่เราจะรอดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
คิดง่ายๆ ... จงเป็นเป้าหมายที่ยิงยากที่สุดเสมอ ...
นักล่าไม่ชอบเหยื่อที่เคี้ยวยาก ... ดังนั้นเราจงเป็นคนที่หลบหลีกได้เก่งที่สุด
การใช้ที่กำบังและการก้มหัวให้ต่ำๆ จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากการเป็นเป้าหมาย
ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ... รักษาระยะห่างกับเสียงปืนที่ได้ยินเข้าไว้
แต่ถ้าเราโชคดี มีโอกาสออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัยแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อมา
นั่นคือการแสดงตัวให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าเราไม่ใช่ผู้ร้าย ชูมือขึ้นและเดินต่อแถวออกมา
จากพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกขึ้น
หากคุณมีข้อมูลสำคัญ หรือมีโอกาสเห็นผู้ก่อเหตุ , เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
ที่ยังอยู่ในพื้นที่ , ข้อมูลของผู้ที่ยังติดอยู่ในอาคาร หรือข้อมูลที่รู้สึกว่า
มีประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ในการรับมือเหตุการณ์ จงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ข้างเคียงทราบ
ยิ่งข้อมูลมีเยอะเท่าไหร่ โอกาสที่เหตุการณ์จะสิ้นสุดก็มีมากขึ้นเท่านั้น
4.If you can't get out .. Hide !! - หากรู้สึกว่าออกจากที่นั่นไม่ได้ ให้ซ่อน !
ถ้าหากตำแหน่งที่เราได้ยินเสียงปืนอยู่ใกล้มาก จนเรารู้สึกว่าเราหนีออกไปไม่ได้
หรืออยู่ในจุดที่ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณในตอนนั้น
คือซ่อน ... จงหาห้องที่มีกำแพงหนาๆ มีที่กำบังเยอะๆ ให้นำเฟอร์นิเจอร์
โต๊ะ หรืออะไรก็ตามมากั้นทางเข้าไว้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
และหลบออกจากพื้นที่ตรงนั้น หลีกเลี่ยงบริเวณประตูและหน้าต่าง
พยายามแอบอยู่ในกำแพงส่วนที่ลึกที่สุดของห้อง
เพราะผู้ก่อเหตุเมื่อไม่สามารถเปิดประตูได้ หรือมองเห็นที่กำบังหลังประตู
อาจจะมีการพยายามยิงทะลุประตูหรือกำแพงข้างๆ ระหว่างนั้นอย่าส่งเสียง
หรืออยู่ในตำแหน่งดังกล่าว ลดความเสี่ยงที่จะถูกตรวจพบให้มากที่สุด
และที่สำคัญคืออย่าลืมทำการปิดไฟในห้องและเช็คทุกคนให้ทำการ
ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่าเราอยู่ที่นี่.
การสื่อสารให้เก็บเอาไว้เฉพาะที่จำเป็นในระดับถึงชีวิตแล้วเท่านั้น
คุณอาจจะใช้การพิมพ์ข้อความไปยังครอบครัว เพื่อนสนิทที่ไว้ใจ
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงข้อมูลสถานที่ล่าสุดที่คุณอยู่
หรือถ้าให้ดี ให้แจ้งรหัสลับหรือแจ้งชื่อจริงของเราให้กับเจ้าหน้าที่
กรณีที่การช่วยเหลือมาถึงเพื่อที่จะได้รู้ว่า คนที่มาอยู่ใกล้ประตู
คือชุดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจริงๆ หากเราได้ยินรหัสลับหรือชื่อเรียก
อย่างน้อยเราก็มั่นใจได้ว่าคนที่รู้ข้อมูลนี้ คือคนที่ได้รับข้อมูลจากเราก่อนหน้านี้
ไม่ใช่ตัวผู้ก่อเหตุปลอมตัวมานั่นเอง
หลังจากแจ้งข้อมูลแล้วให้เปิดโหมด Battery Saver หรือทำอย่างไรก็ได้
ให้แบตเตอรี่ของคุณอยู่ได้นานที่สุด ห้ามใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น
เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเหตุการณ์จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ....
และระหว่างนั้น ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด !
จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุมักจะใช้เทคนิคล่อลวงต่างๆมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเรียก หรือเคาะประตูปลอมตัวเป็นคนที่ต้องการหลบหนี
หรือแม้แต่การหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อหลอกให้เปิดประตู
จงจำไว้ว่าวินาทีที่เกิดเหตุพวกนี้ พวกเขาจะไม่มีความปราณีใดๆต่อเหยื่อ
หากคุณเปิดประตู คุณอาจจะกลายเป็นเหยื่อได้
ฉะนั้น ... ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจริงๆ อย่าเปิดประตูเด็ดขาด
5.Worst case, throw stuff and charge.
หากสถานการณ์แย่สุด ... มีอะไรก็ใส่ไปให้หมดไม่ต้องยั้ง !
ถ้าคุณไม่มีอาวุธ ไม่มีทางหนี ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่มีโอกาสทั้งก้มหัว
หรือหลบหนีใดๆ และข้างหน้าคุณคือคนก่อเหตุ
ไม่ว่าจะยังไง สิ่งที่ดีที่สุดของคุณในวินาทีนั้น คือคุณต้องสู้ !
การที่คนทั่วไปตัดสินใจวิ่งเข้าชาร์จกับผู้ร้าย มันอาจจะดูไม่ต่างอะไรกับ
ทหารที่วิ่งเข้าดงกระสุน หรือกระโดดเข้าหาระเบิด มันต้องใช้ความกล้า
และทุกๆอย่างที่มีในจิตใจของคุณตอนนั้น แต่ถ้ามันถึงจุดนั้น
ยังไงคุณก็ต้องทำ เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่าการยืนเฉยๆ !
ยิ่งถ้าคุณมีคนรักหรือลูกๆอยู่ด้วยในช่วงวินาทีนั้น .. แทบไม่ต้องคิดเลย
เราต้องทำเพื่อพวกเค้า ให้คิดซะว่าเราจะทำทุกอย่างเพื่อแสดงออกว่า
คนร้ายที่อยู่ด้านหน้าเราจะไม่มีวันได้แตะต้องคนที่เรารัก
หากเราต้องตาย อย่างน้อยก็ตายเพราะเราสู้กับมันอย่างถึงที่สุดแล้ว
เครื่องมือที่ดีที่สุดของคุณในวินาทีนั้นคือข้าวของ หากคุณถือกระเป๋า
จะสมุด , หนังสือ , มือถือ , ipad , กุญแจ หรืออะไรก็ตาม
ปาทุกอย่างใส่ผู้ร้ายให้ได้ เพราะมันช่วยซื้อเวลาเสี้ยววิให้คุณได้
เมื่อปาไปแล้ว วิ่งชาร์จมันให้เร็วที่สุด ทำยังไงก็ได้ให้มันล้ม
เอาให้มันล้มและปลดปล่อยความบ้าคลั่งของคุณออกมา
จะกัด จะฉีกกระชาก จะต่อย จะทุบหน้า จะทุบเป้า จิ้มตา
ทำยังไงก็ได้ให้มันเจ็บที่สุด ไม่มีกฏกติกาอะไรทั้งนั้นในวินาทีนี้
ถ้ามีถังขยะ มีอะไรใกล้มือ เอามาฟาดให้หมดเอาให้หนัก
ยิ่งมือที่มันถืออาวุธ ให้ขยี้ กระแทก กระทืบยังไงก็ได้
ให้ไอ้สิ่งนั้นมันหลุดออกจากมือ ....
อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ หากเราชนะ .. เราก็ได้กลับบ้าน
แต่ถ้าหากเราแพ้ ... อย่างน้อยสภาพมันก็ต้องไม่ต่างกับเรา ..
อีกหนึ่งเรื่องเสริมที่อยากจะฝากเอาไว้ นั่นคือ Free your mind ..
ปล่อยใจให้สงบ ตั้งสติให้มั่น มองหาโอกาสใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้เราเอาชีวิตรอดได้ในทุกสถานการณ์
ไม่มีอะไรทำร้ายเราได้มากไปกว่าอาการที่เรียกว่า Freeze Up
หรือการตกอยู่ในภาวะเคว้ง ตัวแข็ง สมองตื้อ ทำอะไรไม่ถูก
นอกจากยืนตัวแข็งอยู่นิ่งๆ หากต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวินาทีชีวิตของคุณ !
ภาพเหตุการณ์ด้านล่าง คือหนึ่งในเหตุการณ์กราดยิง
ที่สนามบิน Fort Lauderdale ในช่วงปี 2017
เมื่อผู้ก่อเหตุทำการคว้าอาวุธปืนออกมาเริ่มทำการกราดยิง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้คนที่อยู่รายล้อมยังคงยืนนิ่ง เกิดอาการช็อค
จนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ กว่าจะรู้ตัวว่าต้องแอบเข้าที่กำบัง
ก็เกือบๆ 5 วินาทีต่อจากนั้น ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆในตอนนั้น
ที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้หันกลับมามอง จึงทำให้ทุกคนในภาพปลอดภัย
หรือสามารถดูแบบวีดีโอได้ที่นี่ครับ
สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากทุกคนเอาไว้ นั่นคือจงตั้งสติ
ประเมินความเสี่ยงและมองหาวิธีการแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา
หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ให้มองหาแผนต่อไป
หากทางออกหลักถูกปิดกั้น ให้มองหาทางออกอื่นๆต่อไป
หากเลือดคุณไหล ให้พยายามดัดแปลงหาอะไรก็ได้มาใช้ห้ามเลือด
หากคุณติดอยู่ในห้องโดยที่ผู้ก่อเหตุอยู่กับคุณ ให้มองหากำแพงบางๆ
ที่เป็นไม้อัดที่คุณสามารถวิ่งทะลุออกไปให้ได้
หากคุณเจอทางตัน ให้สร้างทางของคุณขึ้นมา
ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดี ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
ให้เปิดใจ และมองหาโอกาสใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
เพียงเท่านี้คุณจะเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ต่อจากนี้ครับ
ที่มา : Situational Awareness: A Navy SEAL Explains
ที่มา : Four Simple Ways to Survive a Terrorist Attack
ที่มา : Navy SEAL Reveals 10 Steps to Survive a Mass Shooting
ที่มา : Surviving an Active Shooter - The Ohio State University
ที่มา : RUN. HIDE. FIGHT.® Surviving an Active Shooter Event
ที่มา : How To Survive A Mass Shooting | Better | NBC News
ผู้เขียน / เรียบเรียง : Ronnakrit " Viking " Sripumma
เมื่อวันที่ 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565