เมื่่อเทคโนโลยีและอุปกรณ์ Digital กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหม่ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษสหรัฐ Valor Tactical
ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายเกิดขึ้นทุกวัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นในทุกๆด้าน
แต่มันก็เป็นเหมือนกับดาบสองคมเช่นกัน

เมื่อใดที่มีสิ่งใหม่ๆเข้ามา ก็ย่อมตามมาพร้อมกับช่องโหว่ใหม่ๆ
และในบางปัญหานั้น .. มันช่างส่งผลรุนแรงจนเกินจินตนาการได้เสียอีก

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ... ทางกองทัพและหน่วยข่าวกรองสหรัฐ
ได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆจากการปฏิบัติภารกิจมากมาย
และหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่พวกเขาค้นพบนั่นคือ ...

 

ตั้งแต่สื่อ Social Media ไปจนถึงอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ 
รวมถึงพวกเทคโนโลยีช่วยเหลือต่างๆไม่ว่าจะเป็น App
หรือนาฬิกา GPS สำหรับการบันทึกผลการออกกำลังกาย
ของกำลังพลทั่วๆไปในแต่ละวันที่ดูแสนธรรมดานั้น

ในตอนนี้ได้กลายมาเป็นเครื่องมือหลักที่หน่วยข่าวกรอง
ของกองทัพที่เป็นคู่แข่งทางทหารอย่างเช่นจีนหรือรัสเซีย
หรือแม้แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายในบางพื้นที่ใช้ในการติดตามและค้นหา
ตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่ทหาร US ปฏิบัติงานอยู่ในทั่วทุกมุมโลกได้อย่างง่ายดาย



ไม่ว่าจะเป็น App สำหรับการอัพเดตประวัติการออกกำลังกายของ Strava
ที่ได้รับความนิยมสูงมากในสหรัฐ ไปจนถึง App และอุปกรณ์ที่อยู่ใน Apple Watch 
หรือบน Smart Watch ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ที่มีการบันทึกค่า GPS และมีการเชื่อมต่อ
เข้ากับการระบุตำแหน่งผ่านดาวเทียม

ทั้งหมดที่ว่านี้สามารถทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถทำการตรวจสอบ หาข้อมูล
และสามารถคาดการณ์ตำแหน่งสถานที่ รวมไปถึงเส้นทางหลัก
ที่เจ้าหน้าที่ทหารใช้อยู่เป็นประจำได้อย่างง่ายดาย

และปัญหานี้ไม่ได้มีเพียงแค่กับกองกำลังสหรัฐ แต่กลับมีผลกระทบ
ในลักษณะเดียวกันนี้ กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับโลกมากมาย
ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการเผยแพร่ คือการที่หน่วยพิเศษอย่าง SAS ของอังกฤษ
ถูกเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งในการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศซีเรียและโซมาเลีย 


( ภาพตัวอย่างการตรวจสอบ Activity ผ่านฟังก์ชั่น Heat Map 
ภายใน App Strava ที่โชว์เส้นทางภายในฐานบิน Bagram ที่ Afghanistan
ที่ปรากฏขึ้นเพราะมีผู้คนจำนวนหนึ่งใช้เส้นทางนั้นในการออกกำลังกายเป็นประจำ )


ทางผู้เขียนเคยมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษหน่วยหนึ่ง
ที่พวกเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการใช้นาฬิกา Smart Watch ยุคใหม่

และยังคงใช้นาฬิกา GPS รุ่นที่ไม่มีการบังคับเชื่อมต่อ
เข้ากับระบบออนไลน์ใดๆ ซึ่งพวกเขาใช้กันมาอย่างยาวนาน
และยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน



ซึ่งเขาให้เหตุผลที่น่าสนใจในการเลือกใช้นาฬิกาเหล่านี้
รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้นาฬิกา Smart Watch รุ่นใหม่ๆ เอาไว้ว่า

มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะค้นพบฐานที่มั่น
หรือตำแหน่งสำคัญทางทหารผ่านระบบพวกนี้
เพราะว่ากันง่ายๆ ในบรรดาพื้นที่ปฏิบัติการ
ไม่ว่าจะเป็นอิรัก , อัฟกัน หรือซีเรียและโซมาเลียนั้น

มันเป็นเรื่อง " โคตรยาก " ที่ประชาชนทั่วไปจะมีของพวกนี้
ถ้าเกิดเปิด App และอยู่ดีๆเห็นว่า มีพื้นที่บริเวณนึง
ที่เต็มไปด้วยคนที่มีนาฬิกา GPS ราคาแพงๆเต็มไปหมด
ท่ามกลางพื้นที่ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องแก่งแย่งกัน
เพื่ออาหารหรือเสื้อผ้าสำหรับประทังชีวิตไปวันๆ

แทบจะเดาได้ทันทีเลยว่าตรงนั้นต้องเต็มไปด้วยพวกอเมริกันแน่ๆ
ใช่ .. และมันง่ายอย่างนั้นเลย นั่นคือเหตุผลที่พวกเรา
ยังคงใส่เพียงนาฬิกาธรรมดา ที่ไม่ได้มีการเชื่อมต่อระบบใดๆทั้งนั้น


ถึงแม้ว่าจะมีการสั่งห้าม , ปรับเปลี่ยนนโยบาย ไปจนถึงการขอความร่วมมือ
เพื่อช่วยปกปิดข้อมูลอันทำให้เกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐ
ที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่น่ากลัวอยู่ดี



ถึงมันจะดูเหมือนไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย ..
ถ้าเกิดว่ามันตกไปอยู่ในมือของคนไม่หวังดีที่ถอดรหัสข้อมูลพวกนี้เป็น
จะทำให้พวกเขาได้ข้อมูลสำคัญหลายอย่างมากๆ ผ่านข้อมูลชุดเล็กๆนี้

ยกตัวอย่างเช่น ... เส้นทางที่พวกเขาสัญจรประจำในพื้นที่ที่เขารู้สึกว่าปลอดภัย
ไปจนถึงระยะเวลาที่พวกเขาออกมาวิ่งเป็นประจำ จำนวนวันที่พวกเขาอยู่ในฐาน
ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถทำการวางแผน ไปจนถึงตั้งกับดักพวกเขาได้ง่ายมาก
จากข้อมูลเหล่านี้ ...

และกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก ..
เพราะถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คนที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆเลย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจากการเก็บข้อมูลผ่านเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ที่อยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่เราค้นพบ ... 

แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่อาจจะโชว์ในพื้นที่ที่เราพอรู้อยู่แล้ว
ว่ามันคือฐานทัพก็จริง แต่ในบางครั้งมันกลับไปโผล่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ..
ยกตัวอย่างเช่นสถานที่สอดแนม ไปจนถึงฐานลับของ CIA
ที่เคยมีประวัติการถูกเปิดเผยข้อมูลผ่านการสังเกตุพฤติกรรม
ใน App ออกกำลังกายนี่แหละ



เรื่องที่ยากกว่าคือการบังคับใช้กฏระเบียบพวกนี้ โดยเฉพาะกับยุคที่
โทรศัพท์มือถือหรือของพวกนี้แทบจะกลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของ
พวกเราในยุคปัจจุบันไปแล้ว

หนึ่งในนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยข่าวกรองสหรัฐกล่าวไว้ว่า

" ย้อนกลับไปในตอนที่ฉันประจำการอยู่ในช่วงปี 1999 ในยุคนั้น
ทหารทุกคนจะได้รับสิทธิในการโทรกลับบ้านเพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น "

แต่ถึงอย่างนั้น .. เมื่อพวกเขาออกรบในทัวร์ที่ 2 และ 3 พวกเขามักจะ
ประสบกับปัญหาการหย่าร้าง หรือมีปัญหาครอบครัวเป็นส่วนใหญ่
และนั่นลดเปอร์เซ็นการสมัครเข้ากองทัพอย่างมากมายทีเดียว

มันไม่ใช่ความผิดของ App หรือของผู้พัฒนาหรอก 
เพราะสุดท้ายเมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้น พวกเขาพร้อมให้ความร่วมมือกับพวกเรา
ในการปกป้องข้อมูลสำคัญของกองทัพและเจ้าหน้าที่ของเรา

แต่พฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปของกำลังพล กำลังทำให้การรักษาความลับ
ในการปฏิบัติภารกิจทางทหาร ( Operation Security : OPSEC )
ทำได้ยากมากขึ้นในทุกๆวันต่างหาก ...



การถ่าย Selfie คู่กับยานพาหนะ สถานที่ หรืออุปกรณ์ทางทหารและ
โพสลงใน Social Media หรือส่งผ่านแชทให้กับเพื่อนหรือครอบครัว
รวมไปถึงการถ่ายวีดีโอที่เกี่ยวกับการฝึกซ้อม ไปจนถึงการเช็คอิน
เมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ขณะที่กำลังประจำการอยู่ในต่างประเทศ
ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเจ้าหน้าที่ทหารทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นทหารประจำการหรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ...

ถึงแม้จะมีกฏระเบียบและข้อห้ามมากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่กระทำผิดพลาด
จนเกิดผลเสียตามมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในยุคนี้ การสู้รบไม่ได้มีเพียงแค่บนสนามรบ
ในพื้นดินหรือบนท้องฟ้าและท้องทะเลแล้วเท่านั้น



แต่ยังมีการรบแบบ Cyberwarfare ที่ทหารเหล่านี้อาจถูกโจมตี
จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรืออาจจะถูกกระทำโดยผู้ก่อความไม่สงบเพียงคนเดียว
หรือที่เรียกว่า " Lone-Wolf Terrorist Attack " ซึ่งกำลังเป็นภัยที่น่ากลัว
ในการรบยุคปัจจุบันไปจนถึงในอนาคตอันใกล้นี้

พวกเขาจะทำการเก็บข้อมูล และนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ 
ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อ , รูปภาพ และพฤติกรรมหลายๆอย่างของเจ้าหน้าที่ทหาร
ที่ถูกเก็บข้อมูลผ่านพฤติกรรมการใช้สื่อ Social Media หรือการใช้อุปกรณ์เสริม
และเทคโนโลยีมากมาย ซึ่งถูกเรียกสั้นๆว่า " Digital Footprint " ของคนนั้นๆ

และข้อมูลที่ถูกเปิดโปง อาจนำไปสู่อันตรายต่อตัวเจ้าหน้าที่ , เพื่อนร่วมทีม
ไปจนถึงสมาชิกครอบครัวของพวกเขาเลยก็ได้ และนั่นคือสิ่งที่
พวกเราต้องรีบพัฒนาการป้องกันของข้อมูล และควบคุม
พฤติกรรมของกำลังพลพวกเราให้ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป




ซึ่งในบางครั้ง .. ข้อมูลหลายอย่างมักจะไม่ได้มาจากบัญชี Social Media
ของตัวเจ้าหน้าที่โดยตรง แต่กลับมาจากบัญชีของเพื่อนสนิท
และสมาชิกครอบครัวที่อยู่รายล้อมพวกเขาอีกที และนั่นคือเหตุผล
ที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษทุกคนถึงได้รับคำสั่งให้ลด
หรือเลิกการใช้ Social Media อย่างเด็ดขาด

และยิ่งกับหน่วยปฏิบัติการระดับ Tier 1 พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการใช้
Social Media และเลือกที่จะติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางพิเศษ
ที่มีความส่วนตัวสูงและจะติดต่อกับผู้คนที่พวกเขาไว้ใจมากๆเท่านั้น



และถึงแม้จะดูมีข้อเสียมากมาย แต่ถ้ามองกลับกัน 
เทคโนโลยีเหล่านี้ก็สามารถพลิกกลับมาเป็นอาวุธ 
และกลายมาเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่พวกเขาเลือกใช้
ในการเก็บข้อมูลเพื่อปฏิบัติภารกิจเช่นเดียวกัน

และนี่คือเหตุผลที่การรบแบบ Cyberwarfare 
ไปจนถึงข้อมูลและเทคโนโลยียุคใหม่เหล่านี้
กำลังเป็นจุดสนใจ และถูกนำเข้ามาเป็นหนึ่งในสิ่งที่
บรรดาหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญสูงสุด
ในการสู้รบยุคปัจจุบันครับ ....

ที่มา : Electronic Devices Are the New Problem for Special Operators Overseas 

ที่มา : Strava fitness tracking app reveals location of military bases - SlashGear  
ที่มา : Strava Data Heat Maps Expose Military Base Locations Around the World   
ที่มา : Strava Fitness App Can Reveal Military Sites, Analysts Say 

ผู้เขียน / เรียบเรียง : Ronnakrit " Viking " Sripumma 
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ทิ้งข้อความไว้

ความคิดเห็นทั้งหมดจะถูกกลั่นกรองก่อนที่จะเผยแพร่