ทางกองทัพเรือสหรัฐได้ประกาศการคิดค้นอุปกรณ์พิเศษ
ที่จะพลิกโฉมการต่อสู้ระยะประชิดไปตลอดกาล
สิ่งที่เหล่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการต้องเผชิญในการต่อสู้ระยะประชิด
นั่นคือการที่เราจะต้องระบุ " พื้นที่ปลอดภัย / ไม่ปลอดภัย "
ทั้งนี้ภายหลังจากการตรวจค้นห้องในอาคารไปแล้ว
ทางเจ้าหน้าที่เลือกที่จะใช้ " แท่งเรืองแสง " สำหรับระบุพื้นที่
ว่าห้องดังกล่าวนั้น " ปลอดภัยแล้ว " ซึ่งเทคนิคนี้ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่ SWAT
และเหล่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษมาเกือบ 30 ปีแล้ว
( ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อช่วงปี 1990 )
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวของการใช้เทคนิคนี้ นั่นคือมันยังไม่ปลอดภัย 100%
ในสถานการณ์จริงที่อยู่ในช่วงกดดัน เจ้าหน้าที่อาจจะลืมที่จะวางแท่งเรืองแสง
เพื่อบอกสัญญาณให้รู้ว่าพื้นที่นี้ปลอดภัยแล้ว หรือแม้แต่การที่ผู้ร้ายเลือกที่จะ
ตลบหลังเจ้าหน้าที่ด้วยการแอบเข้าไปในพื้นที่ปลอดภัยที่ถูกเจ้าหน้าที่วางเอาไว้
โดยไม่แตะต้องแท่งเรืองแสงที่วางไว้ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่คิดว่าพื้นที่นี้ปลอดภัย
การแก้ไขในปัจจุบันของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษทุกหน่วย
ที่ได้รับการบรรจุเข้าไปในหลักการปฏิบัติขั้นพื้นฐานสำหรับการต่อสู้
ระยะประชิดหรือ standard operating procedure (SOP) for CQB
นั่นคือหลังจากเคลียร์อาคารเรียบร้อยแล้ว
ในขั้นตอนการเคลื่อนที่ออกจากจุดหมาย เจ้าหน้าที่จะต้องทำการ
" Re-Clearing Rooms " หรือการตรวจค้นห้องต้องสงสัยอีกครั้งนึง ทุกครั้ง
ก่อนจะเดินทางออกจากอาคาร เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น
( หลักการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ยกเลิก
รูปแบบการกำหนดให้ทิ้งเจ้าหน้าที่ 1-2 นาย
เพื่ออยู่เฝ้าทางเดินหรือห้องที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว )
ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือสหรัฐได้ประกาศการคิดค้นอุปกรณ์ใหม่ที่มีชื่อว่า
The Room Breach Digital Sensor Alert Device (RBDSAD)
โดยอุปกรณ์ดังกล่าวถือเป็นส่วนผสมระหว่างแท่ง LED และ Sensor ระบุเป้าหมาย
ที่สามารถระบุและแจ้งเตือนให้แก่ผู้ปฏิบัติการได้ว่าห้องนี้ได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว
ซึ่งสามารถส่งข้อมูลไปยังหน่วยปฏิบัติการข้างเคียง เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
ในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีที่ต้องร่วมงานกันมากกว่า 1 หน่วยปฏิบัติงาน
แต่สิ่งสำคัญที่ปฏิวัติหลักการต่อสู้ระยะประชิดที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้
นั่นคือเทคโนโลยี Sensor ที่จะช่วยแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ในกรณีที่มีข้าศึก
แอบเข้าไปซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่อาคารที่เคยระบุเอาไว้ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย
โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถบันทึกภาพหรือวีดีโอภายในห้อง
และส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการได้ว่ามีใครที่แอบเข้าไปยังพื้นที่หรือไม่
" แน่นอน ... การใช้แท่งเรืองแสงมันก็ยังคงเป็นเทคนิคที่ใช้ได้อยู่ "
Sean Patten ผู้ดำรงตำแหน่ง Senior Technology Manager
ที่บริษัท TechLink กล่าวไว้
แต่ด้วยฟังก์ชั่นที่อุปกรณ์นี้สามารถทำได้ รวมไปถึงความสามารถในการหยิบมาใช้ซ้ำ
และความปลอดภัยของอุปกรณ์ดังกล่าว เราเชื่อว่าอุปกรณ์นี้จะตอบโจทย์การใช้งาน
ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น SWAT , Delta , หรือแม้แต่ DEVGRU
ทั้งนี้โปรเจคดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือกันระหว่าง Tech Link
กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐและกองทัพเรือ โดยในปัจจุบัน
ทางบริษัทก็กำลังมองหาบริษัทคู่ค้า หรือพาร์ทเนอร์ที่จะ
เข้ามาร่วมวิจัยและพัฒนาในส่วนของเทคโนโลยีกล้อง
เพื่อพัฒนาให้อุปกรณ์มีขีดความสามารถที่มากกว่าเดิม
โดยโปรเจคนี้ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยหน่วย
Naval Information Warfare Center-Atlantic (NIWC-A)
โดยเป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการวิจัยการพัฒนาการส่งมอบ
และการสนับสนุนการบัญชาการการควบคุมการสื่อสารคอมพิวเตอร์
ของหน่วยสืบราชการลับเพื่อการเฝ้าระวังและการลาดตระเวนไซเบอร์และระบบอวกาศ
----------------------------------------------
ที่มาของหลักการ Re-Clearing Rooms ที่บรรจุเข้าไปใน
Standard Operating Procedure (SOP)
ทางเราขอย้อนกลับไปในช่วงสมรภูมิที่อิรัก ราวๆปี 2005-2007
หน่วย SAS ของอังกฤษได้เข้าร่วมกับ Task Force Black
เข้าปฏิบัติภารกิจเพื่อตามล่าเป้าหมายสำคัญ ( HVT : High Value Target )
ในสถานที่ซักแห่งในกรุงแบกแดด. เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้น
และได้สังหารข้าศึกโดยเฉพาะกองกำลังสนับสนุนในพื้นที่
แต่ทว่า ... เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการได้เกิดเหตุผิดพลาด
จนปล่อยให้มีผู้ร้ายคนนึงหลบรอดไปได้ ( ถูกยิงบาดเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต )
ทั้งนี้ ผู้ร้ายดังกล่าวได้ใช้เทคนิคแกล้งตาย และหลังจากเจ้าหน้าที่ SAS
ได้ทำการเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้ว และกำลังจะปฏิบัติการเก็บกู้ข้อมูลและข่าวสาร
หรือ Sensitive Site Exploitation ( SSE ) ทางผู้ร้ายก็ได้เข้ามาตลบหลัง
และทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หน่วย SAS ได้สร้างหลักการ Re-Clearing Rooms
และบรรจุเข้าไปใน Standard Operating Procedure (SOP)
สำหรับการปฏิบัติการเชิงยุทธวิธีในการต่อสู้ระยะประชิด ( CQB )
โดยระบุเอาไว้ว่าหลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว ขณะกำลังออกจากพื้นที่
ให้ทำการตรวจสอบที่หมายใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ทั้งด้านหน้า - ข้าง และด้านหลัง
เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้หลังจากการนำไปใช้ พบว่ามีเหตุการณ์อีกหลายครั้ง
ที่ผู้ปฏิบัติงานได้เผชิญหน้ากับผู้ร้ายอีกครั้งในขณะที่อยู่ในช่วงถอนตัวจากพื้นที่
นี่ก็เป็นอีก 1 ตัวอย่างของหลักการปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าในเคสศึกษาจะพบปัญหาเพียง 1 ครั้ง ใน 100 ครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ
แต่ปัญหาก็คือปัญหา และนั่นอาจจะหมายถึงความผิดพลาด
หรือการสูญเสียเจ้าหน้าที่ได้ แม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ
Tier 1 Operator ก็มีโอกาสผิดพลาดได้
การศึกษาและพัฒนาเพื่อหาทางออกถือเป็นอีก 1 จุดเด่นที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
ช่วยกันศึกษาและค้นคว้า เพื่อลดและป้องกันปัจจัยต่างๆที่อาจทำให้เกิดปัญหา
ในอนาคตให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
แปลและเรียบเรียงโดย : Ronnakrit " Viking " Sripumma
ที่มาของข่าว : https://sofrep.com/news/navy-invents-new-device-that-promises-to-revolutionize-close-quarters-combat/