แต่รู้หรือไม่ นอกจากการโจมตีระบบขนส่งมวลชนแล้ว ลัทธิโอมชินริเกียวเคยมีแผนการที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตีกรุงโตเกียวด้วยแก๊สพิษดังกล่าวอีกด้วย
แล้วลัทธิวันสิ้นโลกนี้ไปหาเฮลิคอปเตอร์มาได้อย่างไร วันนี้ Valor Tactical จะมาเล่าให้คุณผู้ชมฟังกัน
อย่างเช่น การโจมตีด้วยแก๊สพิษซารินที่เมืองมัตสึโมโต้ และ การโจมตีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวด้วยแก๊สพิษตัวเดียวกัน
ไม่เพียงแต่เท่านั้น แผนการของลิทธิโอมชินริเกียวมีความสุดโต่งไปถึงกับการใช้เฮลิคอปเตอร์ปล่อยแก๊สพิษสารินร่วม 70 ตันเหนือกรุงโตเกียว
เพียงแต่แผนการดังกล่าวไม่เคยได้เกิดขึ้นจริงเพราะภายหลังเหตุการณ์การโจมตีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว
ทางการรัฐบาลโตเกียวได้ทำการกวาดล้างกลุ่มลัทธินี้อย่างหนักหน่วง โดยได้บุกที่ทำการของลัทธินี้ทั่วประเทศ แต่ที่ๆ ทำให้ทางการรัฐบาลต้องตกใจอย่างมากนั้นก็คือ
อย่างเปิดเผยในที่โล่ง โดยเฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ลำนี้เคยเป็นของกองทัพอาเซอร์ไบจาน ก่อนจะถูกลักลอบขนเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น เหตุผลที่ลัทธิโอมชินริเกียว
สามารถจัดหา Mi-17 มาได้นั้นก็เป็นผลพวงมาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ความร่วมมือต่างๆในรัสเซียซึ่งต้องอาศัยเงินทุกจำนวนมากจากลัทธิโอมชินริเกียว ซึ่งสิ่งที่อาซาฮาระจะได้กลับคืนมานั้นก็คือการที่ลัทธิของเขาจะสามารถเข้าถึง
อาวุธและการฝึกทางทหารต่างๆ ของรัสเซียได้ ซึ่งในเวลาต่อมาไม่นาน ลัทธิได้ส่งสมาชิกรวม 45 คน รวมถึง คิโยฮิเดะ ฮายาคาว่า รองผู้นำของลัทธิโอมชินริเกียว
เข้าฝึกการใช้อาวุธต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย และไม่ใช่การฝึกทางทหารเท่านั้น แต่ลัทธินี้ยังได้จัดหาปืนไรเฟิลจู่โจม AK-74
จำนวนหนึ่ง, พิมพ์เขียวของปืน AK-74 และเฮลิคอปเตอร์ Mi-17 อีก 1 ลำจากรัสเซียได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกขนส่งกลับเข้าสู่ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1994
จะสามารถใช้มันต่อสู้กับรัฐบาลญี่ปุ่นได้ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ก็จะถูกใช้ในการปล่อยแก๊สพิษสารินร่วม 70 ตันเหนือกรุงโตเกียวนั่นเอง
หากแต่แผนการของอาซาฮาระนั้นไม่เคยได้เดินหน้าต่อเพราะถูกทางการญี่ปุ่นสกัดไว้ได้ก่อน
ภายหลังที่ทางการตำรวจทลายศูนย์บัญชาการของลัทธิโอมชินริเกียวได้แล้ว ทางการญี่ปุ่นพบว่า AK-74 เทียมที่ถูกผลิตขึ้นโดยลัทธิเขามีเพียงจำนวนเพียงหยิบมือ
นอกจากนี้ยังพบคู่มือทางทหารของหน่วย KGB ที่ถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นร่วม 20 เล่ม ในส่วนของ เฮลิคอปเตอร์ Mi-17 นั้น ก็ได้ถูกยึดและเก็บไว้
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1998 ที่ เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ถูกขายต่อให้กับรัฐบาลของประเทศจิบูติในราคาถูก และถูกเข้าประจำการในกองทัพอากาศจิบูติในปี ค.ศ.2001
พร้อมสีและหมายเลขตัวเครื่องใหม่
