" อะไรคือสิ่งที่คุณจดจำในชีวิตหลังการสู้รบ " บทสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ Delta Force ตัวจริงจากเหตุการณ์ Black Hawk Down Valor Tactical


    " Norm Hooten " คือหนึ่่งในเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ Delta Forces
    ใน
     Operation Gothic Serpent เขาและทีมได้เข้าไปปฏิบัติภารกิจ

    เขาทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ก่อนที่ทุกอย่างเริ่มผิดพลาดตั้งแต่วินาที
    ที่เครื่องบิน Black Hawk ลำนึงถูกยิงตก และจากภารกิจจู่โจมและจับกุม
    ก็กลายเป็นภารกิจช่วยเหลือในเวลาต่อมา  ..



    เรื่องราวของเขาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
    ตัวละคร Delta Force ที่ชื่อว่า " Hoot " ในหนัง Black Hawk Down
    ผู้เป็นเจ้าของวลีเด็ด " This is my safety " อันโด่งดัง

    หากท่านยังไม่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับฉากนี้สามารถดูได้ที่ Link นี้ครับ

    " This is my safety " ไขวลีเด็ดจากหนัง Black Hawk Down
    โดยเจ้าหน้าที่ตัวจริงในเหตุการณ์ – Valor Tactical 


    และในวันนี้ .. เราจะมาสัมภาษณ์ Norm Hooten แชร์ประสบการณ์
    รวมไปถึงเรื่องเล่าชีวิตของเขาหลังจากเหตุการณ์ Black Hawk Down กันครับ

    This 'Black Hawk Down' special operator is still fighting, but on a  different front

    " ถ้าจะมีอะไรซักอย่างที่ได้รับจากการสู้รบ
    นั่นคือเวลาคุณทำอะไรก็ตาม มีสติเอาไว้ อย่าสติหลุดเด็ดขาด "

    " เหตุการณ์จริงมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด และมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเหมือนกัน 
    แต่จำเอาไว้ว่าก้มหัวให้ต่ำ และหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้ " 

    Hooten กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ ...

    ย้อนกลับไปในช่วงหน้าร้อนปี 1993 หน่วย Delta Forces
    ปฏิบัติการร่วมกับ U.S. Ranger ในภารกิจการจับกุม
    หรือสังหาร Mohamed Farrah Aidid ผู้นำหัวรุนแรง
    ที่เป็นเบื้องหลังการสังหารหมู่และทรมานประชาชนผู้บริสุทธิ
    ภายในพื้นที่เมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย



    ในวันที่ 3 ตุลาคม ทางหน่วยข่าวกรองได้รับข้อมูลมาว่า
    กลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอดิด ที่เป็นเป้าหมายหลัก
    มีแผนที่จะนัดประชุมในอาคาร และนั่นทำให้เกิดปฏิบัติการที่มีชื่อว่า
    Operation Gothic Serpent ซึ่งภารกิจหลักคือการบุกเข้าจับกุม
    บุคคลสำคัญ เก็บข้อมูล และควบคุมตัวออกจากพื้นที่

    ซึ่งในตอนนั้นทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น
    จนกระทั่งจุดเปลี่ยนคือตอนที่เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk 
    ที่คุ้มกันอยู่ถูกยิงจนตกไปในพื้นที่ของชาวโซมาเลีย

    ซึ่งท่านสามารถดูคลิปวีดีโอเหตุการณ์จริง
    ในวินาทีที่เครื่องบินตกได้ที่ Link ด้านล่างครับ



    เหตุการณ์นั้นทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่
    จากภารกิจที่ควรจะจบภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
    กลับกลายมาเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือ และปะทะต่อเนื่อง
    กับชาวโซมาเลีย ยาวนานเกือบ 2 วัน คร่าชีวิต
    เจ้าหน้าที่สหรัฐถึง 18 นาย และชาวโซมาเลียหลักร้อยคน 



    Hooten เริ่มรับใช้ชาติในสังกัดกองทัพบกมาตั้งแต่ปี 1980 
    ได้รับการบรรจุเข้าหน่วย Delta Forces ในปี 1987 
    และเขาได้เกษียณตัวเองออกจากราชการในปี 2001 

    เขาได้ผ่านสมรภูมิหนักๆมาหลายที่นอกเหนือจากโมกาดิชู
    ไม่ว่าจะเป็นแถวๆ เลบานอน , จอร์แดน , บอลข่าน 

    ปัจจุบันเขากลายมาเป็นเจ้าของกิจการขายซิการ์และวิสกี้ของเขาเอง
    ในชื่อแบรนด์ว่า " Hooten Young " ซึ่งเป็นกิจการที่ตัวเขา
    ได้หุ้นกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน Tim Young 

    และตัวเขายังเป็นเภสัชกรที่คอยซัพพอร์ทเพื่อนทหารผ่านศึก
    จากอาการติดยาแก้ปวดเรื้อรัง และยังคงปฏิบัติหน้าที่จนถึงปัจจุบัน

    และนี่คือบทสัมภาษณ์ของเขา ...



    ผู้สัมภาษณ์ : เอาละ .. ผมเข้าใจว่าคุณไม่สามารถเปิดเผย
    รายละเอียดหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ
    หน่วย Delta Forces ได้มากมายนัก

    แต่พอจะแชร์เรื่องราวให้เราได้ไหม
    เกี่ยวกับความรู้สึกเมื่อคุณอยู่ในหน่วย

    อะไรที่หลายๆคนยังไม่รู้เกี่ยวกับ
    การเป็นสมาชิกของหน่วย Delta ?


    Norm Hooten : พอผมลองมองย้อนกลับไปสมัยเพิ่งเข้าหน่วยแรกๆ
    ผมคิดว่าสิ่งแรกๆที่คนทั่วไปนึกถึง Delta นั่นคือชายล่ำๆหุ่นนักกีฬา
    ที่เหมือนกับทุกคนหลุดออกมาจาก NFL ( นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล
    ในลีกระดับประเทศ ) มีความแข็งแรง ดุดัน แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป

    แต่เอาเข้าจริงๆไม่ใช่เลย .. สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง
    จากทหารหรือบุคคลทั่วไป มันคือรูปแบบกระบวนความคิด
    ความมีระเบียบวินัย , การจัดระบบที่เข้มแข็ง และมีความพร้อม
    ในทุกๆการกระทำของเขาจะมีการเตรียมการล่วงหน้าเสมอ


    ( วงกลมสีแดง : Norm Hooten ในช่วงคัดเลือกเข้าหน่วย Delta Forces ) 

    ในตอนที่คุณยังอยู่ในหน่วยทั่วไป เวลาคุณไปออกรบ
    หรือไปประจำการ คุณมีโอกาสได้กลับมาบ้าน พักผ่อนกับครอบครัว
    และรอช่วงเวลาที่จะได้กลับไปประจำการต่อ ...

    แต่กับการอยู่ Delta มันไม่ใช่แบบนั้น ..
    ตลอดเวลา 15 ปีที่ผมรับราชการ
    ไม่เคยมีซักวันหนึ่งที่ผมจะละเลย หรือลืมว่าจะต้อง
    เช็คอุปกรณ์รวมถึงเสื้อเกราะและอาวุธปืนของผม
    ให้อยู่ในสถานะพร้อมปฏิบัติการ เพราะในทุกนาทีในชีวิต
    คุณอาจจะถูกเรียกไปปฏิบัติภารกิจเมื่อไหร่ก็ได้



    มันเป็นความเครียดและความกดดัน เป็นเหมือนกับ
    เชือกที่ลากจิตใจเราไว้และเราเรียกกันว่า " The Short Sting "
    ซึ่งด้วยหน้าที่การงานของเรา มันกลายเป็นสามัญสำนึก
    ที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา

    ไม่ว่าจะเป็นความฟิตของร่างกาย , ความสามารถ
    ในการยิงปืนอย่างแม่นยำราวจับวาง , ภาษาและการสื่อสาร
    ทุกเทคนิคในการดำเนินกลยุทธ คุณจะต้องมีความเชี่ยวชาญ
    และมีความพร้อมเสมอ คุณไม่สามารถปล่อยตัวให้การ์ดตกได้
    นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวพวกเราเสมอมา และนั่นคือสิ่งที่ทำให้
    พวกเรามีความแตกต่างจากหน่วยทั่วๆไปในกองทัพ

    ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะมองว่า " เฮ้ .. นี่อาจจะเป็นคำตอบ
    ของเจ้าหน้าที่ Delta ที่ดีคนนึงเฉยๆละมั้ง " แต่ผมจะบอกแบบนี้ละกัน

    ในบรรดาเจ้าหน้าที่ Delta ทั้งหมดที่ผมร่วมงานด้วยตลอดชีวิตราชการ
    ผมไม่เคยเจอใครที่ใช้ชีวิตแตกต่างจากที่ผมพูดมาข้างต้นเลย
    ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนใช้ชีวิตตามวิถีแบบนี้หมด 



    ผู้สัมภาษณ์ : และด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ...
    คุณบาลานซ์ชีวิต
    ส่วนตัวกับหน้าที่การงานยังไง ?

    Norm Hooten : ผมจะเล่าให้ฟังอย่างนึง ..
    ผมพยายามอย่างหนักมากๆ
    ที่จะเข้ามายังหน่วยนี้
    ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วย
    เหมือนๆกับทุกคนที่เข้ามาอยู่ในจุดเดียวกัน

    และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าผมจะต้องทำทุกอย่าง
    เพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง ฉะนั้นในทุกๆวัน
    สิ่งเดียวที่ผมโฟกัสในชีวิตตอนนั้น คือผมจะต้องมั่นใจได้ว่า
    ผมจะไม่กลายมาเป็นคนที่คอยถ่วงคนอื่น
    หรือทำให้คนอื่นในทีมผิดหวัง

    ในช่วงแรกที่ผมได้เข้าหน่วย ตอนนั้นผมยังโสด
    และยังไม่มีครอบครัว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก
    ในการบริหารชีวิต หลายๆคนที่ผมรู้จัก
    มีครอบครัวอยู่ก่อนที่จะได้บรรจุเข้าหน่วย



    และเมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องใช้เวลามากถึง 300 วันต่อปี
    ในการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อถึงเวลาที่คุณกลับมาบ้าน
    แม้ว่าตัวคุณจะอยู่ที่บ้าน แต่คุณจะไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
    เพราะคุณถูกฝึกมา ชีวิตคุณอยู่กับภารกิจมากกว่าบ้านของคุณ

    นั่นทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องที่ลำบากมากๆสำหรับพวกเขา
    ทำให้หลายๆครอบครัวรู้สึกว่าสามี , คุณพ่อของเขาเปลี่ยนไป
    สำหรับผม .. มันง่ายกว่ามากและดูเป็นข้อได้เปรียบที่ตัวผม
    ยังไม่มีครอบครัวตลอดช่วง 8 ปีแรกของการเข้าประจำการในหน่วย

    หลังจาก 8 ปีแรกผ่านไป ผมเริ่มปรับตัวกับมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
    และผมมีโอกาสได้พบกับผู้นำที่ดี เขาเคยมีประสบการณ์การรบ
    รวมไปถึงบัญชาการรบสมัยสงครามเวียดนาม เขาได้ให้ข้อคิดดีๆ
    ในการใช้ชีวิตกับผม จนผมสามารถสร้างบาลานซ์ชีวิตได้สำเร็จ

    ทริคของมันก็คือ ..

    " คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไป
    เปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องซีเรียสว่าคุณจะเหนือกว่า
    หรือจะมีคนเหนือกว่าคุณ ลองปล่อยวางและลอง
    ก้าวออกไปข้างหน้าแบบสบายๆ ในแบบที่เราสบายใจดูบ้าง 
    ชีวิตไม่จำเป็นต้องซีเรียสกับทุกเรื่องเสมอไป "

    และนั่นก็ช่วยผมได้เยอะมากจริงๆ มันมีผลต่อชีวิตของผม
    แนวคิดนี้ช่วยในการตัดสินใจหลายๆอย่างในชีวิตมากมาย
    แม้กระทั่งการที่ผมตัดสินใจที่จะออกจากกองทัพ
    และสมัครเข้าเรียนเพื่อเป็นเภสัชกรประจำโรงพยาบาลทหารผ่านศึก



    จุดเปลี่ยนของผมเลย คือการที่ผมสูญเสียเพื่อนของผมไป
    จากอาการเสพยาเกินขนาด ( Overdose ) ซึ่งมันดูเป็นเรื่องปกติ
    ของอดีตทหารประจำการในยุคนั้น ...

    พวกเราทุกคนล้วนผ่านการสู้รบ พวกเรามีบาดแผล
    ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่รบพิเศษ
    พวกเราเจอกับความเจ็บปวดหลายๆรูปแบบ ได้รับบาดเจ็บมากมาย
    นั่นทำให้พวกเราคุ้นชินกับการทานยาแก้ปวด หรือยารักษาต่างๆ

    สุดท้ายมันก็นำพาให้พวกเราบางคนต้องพึ่งพามัน
    บางคนถึงขั้นเสพติดเพียงเพราะต้องใช้ยาแก้ปวดดังกล่าว
    ถึงจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้

    นั่นทำให้ผมตั้งใจที่จะศึกษาในวิชานี้ มองหาสาเหตุของการเกิดปัญหา
    และวิธีแก้ไขมันให้ถูกต้อง ทำให้ผมเลือกภารกิจชีวิตใหม่ของผม
    นั่นคือผมต้องการช่วยเหลือเพื่อนทหาร ให้หลุดพ้นจากการเสพติด
    การใช้ยาแก้ปวด ผมอยากให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข



    นอกจากนี้ การตัดสินใจเปิดแบรนด์วิสกี้และซิการ์
    ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ผมเลือกทำเพราะความสบายใจเหมือนกัน

    พวกเราเริ่มกิจการนี้จากการทำซิการ์
    เพราะพวกเราชอบสูบกันมากๆ คราวนี้ปัญหาก็คือ
    การที่เราจะหาวิสกี้ที่มันเข้ากันได้กับซิการ์นั้นค่อนข้างยาก
    เราก็เลยมาจบที่การทำวิสกี้เพิ่มขึ้นมาด้วยซะเลย

    และมันก็โอเคมากๆนะ ผมว่าผมมีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณ
    ในแบบที่เป็นตัวผมเอง และสบายใจที่สุดละ



    เอาละ ... เรามาเข้าสู่คำถามสบายๆกันบ้างดีกว่า
    อะไรคือหนังโปรดในดวงใจตลอดเวลาของคุณ ?


    Norm Hooten : ผมชอบซีรี่ย์เรื่อง Band of brother นะ 
    ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่เก็บความรู้สึกทุกอย่างของความเป็นทหาร
    ครบเครื่องในหนังเรื่องเดียว โดยเฉพาะกับเรื่องความเป็นผู้นำ
    และการลุยเรื่องราวต่างๆไปด้วยกัน ทุกครั้งที่ผมดู
    ผมมักจะได้ข้อคิดใหม่ๆจากหนังเรื่องนี้เสมอ 

    ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีแรงบันดาลใจอยากเป็นผู้นำที่ดี
    อย่างน้อยควรดูหนังเรื่องนี้ซักครั้ง และก็ถ้าเกิดอยากให้แนะนำ
    หนังอีกซักเรื่องนึง ก็คงเป็นเรื่อง Saving Private Ryan ที่ให้ความรู้สึก
    คล้ายๆกันกับที่ผมกล่าวมา

    ถ้าเกิดโลกนี้เกิดเหตุการณ์ซอมบี้ระบาด สิ่งแรกที่คุณจะทำคือ ?

    Norm Hooten : กระสุน 5.56 ซัก 10,000 นัด
    และปืน M4 พร้อมกับดอทและกล้องมองกลางคืน



    อะไรคือเหตุการณ์ที่คุณรู้สึกกลัวที่สุดตั้งแต่รับราชการมา ?

    Norm Hooten :
    ความจริงมันมีเรื่องราวเยอะแยะเลยนะ 
    ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวมากๆ แต่เรื่องนี้คือที่สุดสำหรับผมเลย
    มันคือ
    การโดดร่มครั้งสุดท้ายในชีวิตราชการ

    คือในตอนนั้นผมเพิ่งเซ็นเอกสารลาออกจากกองทัพบกหมาดๆ
    ผมกำลังจะเดินออกไป และก็เจอกับคู่หูในทีมของผม
    เขามองหน้าผมและก็พูดว่า " เฮ้ .. วันนี้เรามีซ้อมโดดร่มกัน
    มาด้วยกันไหม ? " ผมตอบเขาไปว่า " เราเซ็นใบลาออกไปแล้วเพื่อน "

    เพื่อนผมมองหน้าผมและก็พูดว่า
    " เอาน่า .. โดดร่มครั้งสุดท้ายในชีวิตไง " 
    ผมรู้สึกตัวอีกทีก็คือผมติดรถไปกับเพื่อน
    และก็กระโดดขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว



    ในตอนนั้นผมก็ทำการเตรียมตัว เช็คอุปกรณ์ตามมาตรฐาน 
    และในวินาทีที่โดดออกไปและกระตุกร่ม .. สิ่งที่เกิดขึ้น
    นั่นคือการที่ร่มกางผิดพลาด ซึ่งเป็นความผิดพลาดครั้งแรก
    และครั้งเดียวตลอดชีวิตการรับราชการของผม ซึ่งมันน่ากลัวมาก

    อุบัติเหตุครั้งนั้น คือร่มหลักกับร่มสำรองของผม
    มันดันกางออกมาพร้อมกัน ! ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นมันมีโอกาสสูงมากๆ
    ที่ร่มทั้งสองจะพันกัน และถึงจุดนั้นผมไม่มีร่มสำรองเหลืออีกแล้ว
    และนั่นก็คงเป็นจุดจบของชีวิตผมแน่ๆ ...

    แต่โชคดีที่ผมรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ผมลงถึงพื้นได้
    โดยที่ร่มทั้งสองไม่พันกัน ตลอดเวลาผมก็คิดย้อนกลับไปนะ
    ว่ามันคงเป็นเรื่องตลกดี ผมเป็น Delta Forces มาตลอด
    ไม่เคยเกิดปัญหาเลยซักครั้ง แต่ดันมาเกิดปัญหา Malfunction
    ครั้งแรกในชีวิตในการโดดครั้งสุดท้าย .. แถมในตอนนั้น
    ผมไม่ได้รับราชการแล้วด้วยนะ 



    โอ้โห ! มันดูน่ากลัวมากๆเลยนะนั่น .. โอเค .. เมื่อกี้คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
    และอะไรคือเรื่องที่ภาคภูมิใจที่สุดตั้งแต่รับราชการมาเลย

    Norm Hooten : เรื่องที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุด นั่นคือความรู้สึก
    ตอนที่ได้รู้ว่าผมกำลังจะเข้าหน่วย Delta Forces ครับ

    นึกภาพออกไหม ในเวลาที่เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อสิ่งหนึ่ง
    จนกระทั่งมันได้ผล มันรู้สึกคุ้มค่า คุณรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบ
    และอะไรหลายๆอย่างมากมายกำลังจะเข้ามาในชีวิต

    จนกระทั่งในวินาทีที่คุณนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาของคุณ
    มองหน้าคุณและพูดว่า " ยินดีต้อนรับสู่ Delta Forces " 
    วินาทีนั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด และทรงพลังมากที่สุดในชีวิตเลย

    และอะไรที่คุณเรียนรู้ และจดจำได้เสมอหลังจากการสู้รบ 

    Norm Hooten : หากมีการยิงเกิดขึ้น จงก้มหัวให้ต่ำที่สุด
    จำไว้ว่าทุกสิ่งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มัน
    ไม่สามารถคาดเดา
    หรือหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราคิดหรือต้องการได้เปะๆ 
    สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนั้นคือก้มหัวให้ต่ำที่สุด และหาทางเอาตัวรอดให้ได้

    สิ่งสำคัญเลยคือคุณต้องมีสติ .. เมื่อใดที่คุณสติหลุด 
    ถึงจุดนั้นมันจะกลายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับคุณในเหตุการณ์นั้น
    จงจำไว้เสมอว่าต้องมีสติในทุกวินาทีในเหตุการณ์ 
    และคุณจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นั้นได้



    คุณคิดถึงช่วงเวลาที่ยังรับราชการ
    และออกไปประจำการในฐานะ Delta Forces อยู่ไหม ? 


    Norm Hooten : ผมคิดถึงผู้คนในนั้น คิดถึงเพื่อนๆผมทุกคน
    แต่ผมไม่คิดถึงการได้ไปประจำการที่นั่น ผมคิดถึงเรื่องราว
    ที่พวกเราผ่านมันไปด้วยกันในตอนนั้นมากกว่า

    ผมไม่เคยคิดถึงอาหารรสชาติแย่ๆที่ต้องกินเพื่อประทังชีวิต
    ผมไม่เคยคิดถึงห้องนอนในตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ
    ผมไม่เคยคิดถึงกำแพงทราย Sandbags ในฐาน
    ผมไม่คิดถึงอะไรเลยนอกจากผู้คน นอกจากเพื่อนๆของผม
    และเรื่องราวดีๆของพวกเราที่ผ่านกันมาตลอดหลายปี

    ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมจะมีให้พวกเขาได้ ก็คือวิสกี้และซิการ์ดีๆ
    ที่เราจะมานั่งและแชร์เรื่องราวดีๆให้แก่กัน แต่ผมไม่อยากกลับไป
    ผมไม่อยากกลับไปอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม หรือในบริเวณฐานทัพอีกแล้ว

    ที่มา : Meet Hoot, the legendary Delta Force operator from 'Black Hawk Down' 


    ผู้แปล / เรียบเรียง : Ronnakrit " Viking " Sripumma 
    เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564